เงินทุนเพิ่มเติมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมมรับจดทะเบียนบริษัทาตรการรถยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย EV 3.0 ที่ให้เงินอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน
หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติข้อเสนอก็จะถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่ออนุมัติ โอกาสในการอนุมัติมีสูงเนื่องจากมาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่กำลังดำเนินอยู่
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐมีมาตรการอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้าทั้งจักรยานไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้า จำนวนการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) มียอดจดทะเบียน 43,045 คัน เพิ่มขึ้น 487.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) เพิ่มขึ้น 41.02% จำนวน 46,140 คัน และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบปลั๊กอิน (PHEV) เพิ่มขึ้น 5.46% รวม 6,272 คันในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2566
งบประมาณสนับสนุนปี 2567 ประมาณ 3 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาประเมินจำนวนรถยนต์และบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ โดยเบื้องต้นจะต้องขออนุมัติในช่วงรัฐบาลรักษาการ โดยจัดสรรเงินสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
มาตรการ EV 3.0 มีกำหนดหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 แต่การให้ทุนสนับสนุนการซื้อ EV จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากความสนใจของสาธารณชนในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กองทุนสนับสนุนหมดสิ้นก่อนสิ้นปีนี้
ข้อมูลจาก https://www.nationthailand.com/